ประวัติวันคริสต์มาส พร้อมกับ 25 เรื่องลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้

ประวัติวันคริสต์มาส พร้อมกับ 25 เรื่องลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้
5/5 - (5 votes)

วันคริสต์มาสเป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกฉลองฉลองการเกิดของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นพระมหาเศรษฐีและผู้รับบาปของคนทั้งปวง ตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ วันคริสต์มาสถูกฉลองในวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี และเป็นวันหยุดราชการในหลายประเทศทั่วโลก วันนี้เราจะพาไปดู ประวัติวันคริสต์มาส ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ผ่านอะไรมาบ้าง

จุดกำเนิด ประวัติวันคริสต์มาส

จุดกำเนิด ประวัติวันคริสต์มาส

ประวัติวันคริสต์มาส เป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนทั่วโลกฉลองเกียรติและเฉลิมฉลองการเกิดของพระเยซูคริสต์ แม้ว่าวันคริสต์มาสจะถูกฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม แต่จริง ๆ แล้วไม่มีใครทราบวันที่แน่นอนของการเกิดพระเยซู ประวัติศาสตร์ของวันคริสต์มาสมีความซับซ้อนและมีการเชื่อมโยงกับหลายประเพณีและเทศกาลของศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • เทศกาลโรมัน: ก่อนที่คริสต์ศาสนาจะมาถึงยุคโรมัน, คนโรมันเคยฉลองเทศกาล “Saturnalia” ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นเทศกาลที่เฉลิมฉลองเทพ Saturn และเป็นช่วงเวลาที่มีการแลกเปลี่ยนของขวัญ และมีการปล่อยประชาชนที่ถูกกักขัง
  • การเลือกวัน: วันที่ 25 ธันวาคมถูกเลือกเป็นวันคริสต์มาสเพื่อที่จะแทนที่เทศกาลสัตยรณ์ และเพื่อให้สอดคล้องกับเทศกาล “Sol Invictus” ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเทพดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยแพ้
  • การแพร่กระจายของคริสต์ศาสนา: พระเยซูคริสต์เริ่มถูกเคารพและเฉลิมฉลองในยุคโรมันหลังจากการแพร่กระจายของคริสต์ศาสนา และวันคริสต์มาสก็เริ่มถูกฉลองในวันที่ 25 ธันวาคม
  • วันคริสต์มาสในยุคกลาง: ในยุคกลาง, วันคริสต์มาสเริ่มมีการฉลองแบบที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน ด้วยการแลกเปลี่ยนของขวัญ การร้องเพลงคริสต์มาส และการตั้งต้นคริสต์มาส
  • การเปลี่ยนแปลงในยุควิคตอเรีย: ในยุควิคตอเรีย, วันคริสต์มาสได้รับการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ด้วยการนำเข้าประเพณีใหม่ ๆ และการแต่งตัวเป็นคลาวน์หรือเป็นสัตว์

ในปัจจุบันวันคริสต์มาสเป็นวันที่เฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก และมีการเฉลิมฉลองในแบบต่าง ๆ ตามวัฒนธรรมและประเพณีของแต่ละประเทศ

ทำไมวันคริสต์มาสถึงจัดวันที่ 25 ธันวาคม มีต้นกำเนิดอย่างไร

ทำไมวันคริสต์มาสถึงจัดวันที่ 25 ธันวาคม มีต้นกำเนิดอย่างไร

วันที่ 25 ธันวาคมถูกเลือกเป็นวันคริสต์มาสไม่ได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์หรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ระบุว่าเป็นวันเกิดของพระเยซูคริสต์ แต่มีหลายทฤษฎีและความเชื่อที่พยายามอธิบายเหตุผลในการเลือกวันนี้

  • เทศกาลโรมัน: วันที่ 25 ธันวาคมเป็นวันที่โรมันเฉลิมฉลองเทศกาล “Sol Invictus” หรือ “ดวงอาทิตย์ที่ไม่เคยแพ้” ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองเทพดวงอาทิตย์ การเลือกวันนี้อาจจะเป็นการพยายามทำให้คริสต์ศาสนิกชนในยุคโรมันสามารถฉลองเทศกาลของพวกเขาโดยไม่ต้องเผชิญหน้ากับการคัดค้านจากศาสนาโรมัน
  • การคำนวณวัน: บางทฤษฎีกล่าวว่า วันที่ 25 ธันวาคมถูกเลือกตามการคำนวณวันของการตายของพระเยซู โดยมีความเชื่อว่าพระเยซูเกิดและตายในวันเดียวกัน แต่นี่เป็นแค่ทฤษฎีหนึ่ง
  • การแทนที่เทศกาลเดิม: การเลือกวันที่ 25 ธันวาคมอาจจะเป็นการพยายามแทนที่เทศกาลสัตยรณ์ (Saturnalia) และเทศกาลอื่น ๆ ของโรมัน ด้วยการฉลองวันคริสต์มาส เพื่อช่วยในการแพร่กระจายคริสต์ศาสนา
  • การเฉลิมฉลองการมาถึงของแสง: วันที่ 25 ธันวาคมอยู่ใกล้กับวันที่วันยาวที่สุดในซีกโลกเหนือ ซึ่งเป็นวันที่มีแสงน้อยที่สุด การเฉลิมฉลองในวันนี้อาจจะเป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาของแสง ซึ่งสัญลักษณ์แทนพระเยซูที่เป็นแสงแห่งโลก

แม้ว่าจะมีหลายทฤษฎีและความเชื่อ แต่ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าทำไมวันคริสต์มาสถึงถูกเลือกในวันที่ 25 ธันวาคม แต่สิ่งที่แน่นอนคือวันนี้ได้กลายเป็นวันที่มีความหมายสำคัญและถูกฉลองในหลายประเทศทั่วโลก.

บทความแนะนำ:

ของขวัญ คริสต์มาส ให้เพื่อน 2023 ซื้ออะไรดี? ให้ถูกใจเพื่อน

ของขวัญวันคริสต์มาส มอบให้เพื่อน คนพิเศษ เลือกอะไรดี?

ทำไมวันคริสต์มาสถึงต้องฉลองวันเกิดพระเยซู

ทำไมวันคริสต์มาสถึงต้องฉลองวันเกิดพระเยซู

การฉลองการเกิดของพระเยซูคริสต์หรือ “วันคริสต์มาส” มีความหมายและเหตุผลที่สำคัญสำหรับคริสต์ศาสนิกชน มีดังนี้

  • ความเชื่อทางศาสนา: พระเยซูคริสต์ถือว่าเป็น “พระบุตรของพระเจ้า” และเป็นผู้ช่วยให้มนุษย์ได้รับการไถ่ตัวจากบาป การเกิดของพระเยซูถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แสดงถึงความรักและความเมตตาของพระเจ้าต่อมนุษย์
  • การประกาศข่าวดี: การฉลองวันคริสต์มาสเป็นวิธีการประกาศข่าวดีเกี่ยวกับการมาถึงของผู้ช่วยชีวิตและการให้การไถ่ตัวจากบาป
  • การเชื่อมต่อครอบครัว: วันคริสต์มาสเป็นโอกาสที่ดีในการรวมตัวของครอบครัว และแบ่งปันความรักและความสุขกัน
  • การแบ่งปันและการให้: ประเพณีในการแลกเปลี่ยนของขวัญแสดงถึงจิตวิญญาณของการให้และการแบ่งปัน ซึ่งเป็นคุณธรรมหลักของคริสต์ศาสนา
  • การรำลึกถึงการสอนของพระเยซู: การฉลองวันคริสต์มาสช่วยให้คนรำลึกถึงการสอนและพระพุทธศาสนาของพระเยซู
  • การส่งเสริมวัฒนธรรม: วันคริสต์มาสได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมในหลาย ๆ ประเทศ และมีการฉลองในแบบที่แตกต่างกันตามประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น
  • การส่งเสริมความสามัคคี: วันคริสต์มาสเป็นโอกาสที่ดีในการส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือในชุมชน

การฉลองวันคริสต์มาสไม่ได้เป็นเพียงการฉลองเกียรติและเฉลิมฉลองการเกิดของพระเยซูคริสต์เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมความรัก, ความสามัคคี, และคุณธรรมที่ดีในชุมชนและสังคม.

ซานตาคลอส เกี่ยวกับวันคริสต์มาสอย่างไร

ซานตาคลอส เกี่ยวกับวันคริสต์มาสอย่างไร

ซานตาคลอส (Santa Claus) เป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับวันคริสต์มาส และเป็นสัญลักษณ์ของการแจกของขวัญแก่เด็ก ๆ ในคืนวันคริสต์มาส ซานตาคลอสมีต้นกำเนิดมาจากตัวละครชื่อ “นิโคลัส” หรือ “Saint Nicholas” ซึ่งเป็นพระคัมภีร์ที่มีความดีและชอบช่วยเหลือผู้ยากไร้

  • นิโคลัส (Saint Nicholas): นิโคลัสเป็นพระคัมภีร์ที่มาจากประเทศตุรกีในศตวรรษที่ 4 และเป็นที่รู้จักในการแจกจ่ายของขวัญแก่เด็ก ๆ และการช่วยเหลือผู้ยากไร้
  • การเปลี่ยนแปลงของตัวละคร: ตัวละครนิโคลัสได้รับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในวัฒนธรรมต่าง ๆ จนกลายเป็นซานตาคลอสที่เรารู้จักในปัจจุบัน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมตะวันตก
  • การแจกของขวัญ: ซานตาคลอสถือว่าจะขับเรนเดียร์ข้ามท้องฟ้าในคืนวันคริสต์มาสเพื่อแจกของขวัญให้เด็ก ๆ ที่มีพฤติกรรมดีตลอดปี แนะนำของขวัญ >> กล่องดนตรี สั่งทำพิเศษไม่ซ้ำใคร
  • การเขียนจดหมายถึงซานตา: เด็ก ๆ มักจะเขียนจดหมายถึงซานตาคลอส เพื่อบอกว่าพวกเขาปรารถนาของขวัญอะไรในวันคริสต์มาส
  • การเยี่ยมชมซานตาคลอส: ในหลาย ๆ ประเทศ มักจะมีการจัดตั้งบ้านของซานตาคลอสในช่วงเวลาก่อนวันคริสต์มาส เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เยี่ยมชมและถ่ายรูปกับซานตาคลอส
  • การแต่งตัวเป็นซานตาคลอส: ในช่วงวันคริสต์มาส หลาย ๆ คนจะแต่งตัวเป็นซานตาคลอสเพื่อแจกของขวัญและสร้างความสุขให้กับเด็ก ๆ

ซานตาคลอสเป็นตัวละครที่สร้างความสุขและความหวังให้กับเด็ก ๆ และเป็นส่วนสำคัญของการฉลองวันคริสต์มาสในหลาย ๆ วัฒนธรรมทั่วโลก.

25 เรื่อง(ไม่)ลับเกี่ยวกับ ประวัติวันคริสต์มาส

25 เรื่อง(ไม่)ลับเกี่ยวกับ ประวัติวันคริสต์มาส

มาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จัก ประวัติวันคริสต์มาส กันไปมากแล้ว แต่มีบางเรื่องที่อาจจะตกหล่น วันนี้เรารวบรวมเรื่องเรานั้นไว้ได้ทั้ง 25 เรื่อง ซึ่งคนไทยไม่ค่อยรู้อย่างแน่นอน มีดังนี้

  1. วันคริสต์มาสไม่ใช่วันเกิดของพระเยซู: วันที่ 25 ธันวาคมไม่ได้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นวันเกิดของพระเยซู แต่เป็นวันที่คริสต์ศาสนิกชนเลือกมาเพื่อฉลอง
  2. สัญลักษณ์ของต้นคริสต์มาส: ต้นคริสต์มาสมีความหมายว่า “ชีวิตและความเป็นอยู่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด”
  3. ขนมปังอิงเลิศ: ขนมปังที่มีรสหวานและมีผลไม้แห้งผสม มีการเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซู
  4. สีแดงและเขียว: เป็นสีที่มักใช้ในการตกแต่งในวันคริสต์มาส สีแดงหมายถึงความรักและการเสียสละ ส่วนสีเขียวหมายถึงความหวัง
  5. ของขวัญ: การแลกเปลี่ยนของขวัญเป็นการเฉลิมฉลองความรักและการแบ่งปัน
  6. สต็อกกิ้ง: ถุงเล็กๆที่แขวนบนเตาไฟ เป็นสัญลักษณ์ของการให้และรับของขวัญ
  7. วันสิ้นปี: ในบางประเทศ วันคริสต์มาสเป็นวันสิ้นปีและวันต่อมาคือวันปีใหม่
  8. 12 วันของคริสต์มาส: วันคริสต์มาสเริ่มต้นจากวันที่ 25 ธันวาคม และต่อเนื่องไป 12 วัน
  9. มิสเซลโท: ต้นไม้เล็กๆที่มีลักษณะเป็นเบอร์รี่สีแดง ถ้าคนสองคนอยู่ใต้มิสเซลโท พวกเขาจะจูบกัน
  10. วันคริสต์มาสในซัมเมอร์: ในประเทศที่ตั้งอยู่ในซีกโลกใต้ เช่น ออสเตรเลีย วันคริสต์มาสเป็นในช่วงฤดูร้อน
  11. “Xmas”: คำว่า “X” ใน Xmas มาจากตัวอักษรภาษากรีกที่แทนคำว่า “คริสต์”
  12. วันคริสต์มาสไม่เคยเป็นวันหยุด: ในอเมริกา ในช่วงศตวรรษที่ 17 วันคริสต์มาสไม่เคยเป็นวันหยุด
  13. วันคริสต์มาสในยุคโบราณ: ในยุคโรมัน วันคริสต์มาสเคยเป็นวันฉลองเทศกาลสัตยรณ์
  14. การแต่งตัว: ในยุควิคตอเรีย คนมักแต่งตัวเป็นคลาวน์หรือเป็นสัตว์เมื่อฉลองวันคริสต์มาส
  15. การร้องเพลงคริสต์มาส: การร้องเพลงคริสต์มาสเริ่มขึ้นในยุค 4 หรือ 5 หลังคริสต์
  16. ต้นคริสต์มาสแรก: ต้นคริสต์มาสแรกถูกตั้งขึ้นในประเทศเยอรมนีในศตวรรษที่ 16
  17. คริสต์มาสแคร็ด: เป็นเกมที่เล่นในวันคริสต์มาส มีการแยกและดึงเพื่อดูของขวัญที่อยู่ข้างใน
  18. วันคริสต์มาสเป็นวันหยุด: ในอังกฤษ วันคริสต์มาสถูกประกาศเป็นวันหยุดเมื่อปี 1834
  19. การแขวนถุงเล็ก: มาจากเรื่องราวของพระเยซูที่แขวนถุงเล็กเต็มไปด้วยทองคำ
  20. วันคริสต์มาสในญี่ปุ่น: ในญี่ปุ่น การรับประทานไก่ทอดจาก KFC ถือเป็นประเพณี
  21. วันคริสต์มาสในสเปน: มีการฉลอง “El Caganer” ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่แสดงการขับถ่าย
  22. คริสต์มาสในสวีเดน: มีการฉลอง “Yule Goat” ซึ่งเป็นตุ๊กตาแกะที่ทำจากฟาง
  23. คริสต์มาสในนอร์เวย์: มีเรื่องราวว่าแม่มดจะลงมาตามควันจากเตาไฟ
  24. คริสต์มาสในอิตาลี: มี “La Befana” ซึ่งเป็นแม่มดที่แจกของขวัญ
  25. คริสต์มาสในเกาหลี: วันคริสต์มาสเป็นวันหยุดทางการเมืองและมีการแจกของขวัญให้กับเด็กๆ
Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest