การออมเงิน เป็นหนึ่งในพื้นฐานของการวางแผนการเงินที่ดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีเงินสำรองเพื่อใช้จ่ายในอนาคต แต่ยังช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและสามารถรับมือกับฉุกเฉินทางการเงินได้ ในบทความนี้ เราจะสำรวจความหมายของการออมเงิน ความสำคัญ และ 10 เคล็ดลับการเริ่มออมเงินกัน
หัวข้อที่น่าสนใจ
Toggleรู้จักความหมายของ การออมเงิน
การออมเงินหมายถึงการเก็บเงินที่หารายได้จากการทำงานหรือแหล่งรายได้อื่นๆ เพื่อใช้ในภายหลัง แทนที่จะใช้จ่ายไปทันที การออมเงินสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ การลงทุนในหุ้นหรือพันธบัตร หรือแม้แต่การเก็บเงินสดไว้ที่บ้าน
การออมเงิน มีความสำคัญ หรือ ประโยชน์อย่างไร?
การออมเงินเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อเข้าใจถึงความสำคัญ คุณจะพบว่าการออมเงินเป็นเครื่องมือที่สำคัญมาก ไปดูกันว่าการออมเงินมีความสำคัญอย่างไร ทีมงาน ของขวัญชิ้นเดียวในโลก ได้แยกเป็นข้อๆ ไว้แล้วดังนี้
1.สร้างความมั่นคงทางการเงิน
การมีเงินออมช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงและลดความเครียดทางการเงิน
ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณมีเงินออมฉุกเฉิน 100,000 บาท เมื่อรถยนต์ของคุณเสียกะทันหันและต้องซ่อมด่วนด้วยค่าใช้จ่าย 30,000 บาท คุณสามารถจัดการปัญหานี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องกู้ยืมหรือใช้บัตรเครดิตที่มีดอกเบี้ยสูง
2.รองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีเงินออมช่วยให้คุณพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ตัวอย่าง: หากคุณถูกเลิกจ้างกะทันหัน การมีเงินออมเท่ากับค่าใช้จ่าย 6 เดือนจะช่วยให้คุณมีเวลาในการหางานใหม่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวัน
3.บรรลุเป้าหมายทางการเงินระยะยาว
การออมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญในชีวิต
ตัวอย่าง: หากคุณต้องการซื้อบ้านมูลค่า 3 ล้านบาทภายใน 5 ปี โดยต้องมีเงินดาวน์ 20% (600,000 บาท) การออมเดือนละ 10,000 บาทจะทำให้คุณมีเงินดาวน์ครบภายในเวลาที่กำหนด
4.สร้างอิสรภาพทางการเงิน
เงินออมที่มากพอจะช่วยให้คุณมีทางเลือกมากขึ้นในชีวิต และลดการพึ่งพาเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
ตัวอย่าง: การมีเงินออมและการลงทุนที่สร้างรายได้ 50,000 บาทต่อเดือน อาจทำให้คุณสามารถลดชั่วโมงการทำงานลง หรือเปลี่ยนไปทำงานที่คุณรักแม้จะได้เงินเดือนน้อยลง
5.เตรียมพร้อมสำหรับวัยเกษียณ
การเริ่มออมเงินแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณมีชีวิตที่สุขสบายหลังเกษียณ
ตัวอย่าง: หากคุณเริ่มออมเงินเดือนละ 5,000 บาทตั้งแต่อายุ 25 ปี และลงทุนให้ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี เมื่อคุณอายุ 60 ปี คุณจะมีเงินออมกว่า 8 ล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้หลังเกษียณได้อย่างสบาย
6.ลดภาระหนี้สิน
การมีเงินออมช่วยลดความจำเป็นในการก่อหนี้เมื่อต้องการใช้เงินก้อนใหญ่
ตัวอย่าง: แทนที่จะใช้สินเชื่อส่วนบุคคลดอกเบี้ยสูง 15% ต่อปีเพื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคา 50,000 บาท การมีเงินออมทำให้คุณสามารถซื้อด้วยเงินสดและประหยัดดอกเบี้ยได้ถึง 7,500 บาทในปีแรก
7.สร้างโอกาสในการลงทุน
เงินออมไม่เพียงแต่ให้ความปลอดภัยทางการเงิน แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณสามารถลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
ตัวอย่าง: การมีเงินออม 100,000 บาท อาจทำให้คุณสามารถเริ่มต้นลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินเฟ้อ ช่วยรักษามูลค่าเงินของคุณในระยะยาว
8.ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นได้
การมีเงินออมทำให้คุณสามารถช่วยเหลือคนที่คุณรักหรือสังคมได้เมื่อจำเป็น
ตัวอย่าง: หากสมาชิกในครอบครัวประสบปัญหาทางการเงินฉุกเฉิน การมีเงินออมทำให้คุณสามารถให้ความช่วยเหลือได้ทันที โดยไม่กระทบต่อสถานะทางการเงินของตัวเอง
9.เพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจ
การมีเงินออมช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตัดสินใจเรื่องสำคัญในชีวิต
ตัวอย่าง: หากคุณไม่มีความสุขกับงานปัจจุบัน การมีเงินออมเท่ากับค่าใช้จ่าย 6-12 เดือน จะทำให้คุณมีความมั่นใจในการตัดสินใจลาออกเพื่อหางานที่ตรงกับความต้องการมากขึ้น
10.สร้างนิสัยทางการเงินที่ดี
การออมเงินอย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างวินัยทางการเงินและนิสัยการบริหารเงินที่ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อทุกด้านของชีวิต
ตัวอย่าง: การฝึกออมเงิน 10% ของรายได้ทุกเดือน จะช่วยสร้างนิสัยการใช้จ่ายอย่างมีสติ การวางแผนการเงิน และการให้ความสำคัญกับเป้าหมายระยะยาวมากกว่าความพึงพอใจในระยะสั้น
พื้นฐานขั้นตอนใน การออมเงิน
- กำหนดเป้าหมายการออม: เริ่มต้นด้วยการกำหนดว่าคุณต้องการออมเงินเพื่ออะไร ซึ่งจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการออมเงิน
- ทำงบประมาณ: สร้างงบประมาณเพื่อติดตามรายรับและรายจ่ายของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและหาช่องทางในการออมเงินได้
- เลือกเครื่องมือในการออม: พิจารณาเครื่องมือต่างๆ ที่เหมาะสมกับการออมเงินของคุณ เช่น บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง หรือการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้
10 เคล็ดลับ การออมเงิน: วิธีสร้างความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืน
การออมเงินเป็นทักษะสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว แต่หลายคนอาจพบว่าเป็นเรื่องยาก ด้วยเคล็ดลับต่อไปนี้ คุณจะสามารถเริ่มต้นออมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.ตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน
การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยสร้างแรงจูงใจในการออมเงิน
ตัวอย่าง: คุณอาจตั้งเป้าหมายออมเงิน 100,000 บาทภายใน 1 ปี เพื่อใช้เป็นเงินดาวน์บ้าน หรือออม 500,000 บาทใน 5 ปี เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นธุรกิจ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณมีแรงผลักดันในการออมมากขึ้น
2.ใช้กฎ 50/30/20 ในการจัดสรรรายได้
แบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน: 50% สำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น, 30% สำหรับความต้องการ, และ 20% สำหรับการออมและการลงทุน
ตัวอย่าง: หากคุณมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน คุณควรใช้ไม่เกิน 15,000 บาทสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น ค่าเช่า ค่าอาหาร, 9,000 บาทสำหรับความต้องการ เช่น ความบันเทิง และออม 6,000 บาทต่อเดือน
3.เริ่มต้นออมทันทีที่ได้รับเงินเดือน
ให้ความสำคัญกับการออมก่อนการใช้จ่าย โดยการหักเงินออมออกทันทีที่ได้รับเงินเดือน
ตัวอย่าง: ตั้งค่าการโอนเงินอัตโนมัติจากบัญชีเงินเดือนไปยังบัญชีออมทรัพย์ทันทีที่เงินเดือนเข้า เช่น โอน 20% ของเงินเดือนไปยังบัญชีออมทรัพย์ทุกวันที่ 1 ของเดือน
4.ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายของคุณและตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก
ตัวอย่าง: ยกเลิกสมาชิกบริการสตรีมมิ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้ ลดการทานอาหารนอกบ้าน หรือเปลี่ยนจากการซื้อกาแฟราคาแพงทุกวันเป็นการชงกาแฟเองที่บ้าน การตัดค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจช่วยประหยัดได้หลายพันบาทต่อเดือน
5.ใช้เทคโนโลยีช่วยในการออม
ใช้แอพพลิเคชั่นทางการเงินเพื่อติดตามค่าใช้จ่ายและช่วยในการออม
ตัวอย่าง: ใช้แอพ เช่น Wallet หรือ Money Lover เพื่อบันทึกรายรับรายจ่าย หรือใช้แอพของธนาคารที่มีฟีเจอร์ออมเงินอัตโนมัติ เช่น การปัดเศษเงินจากการใช้จ่ายไปเข้าบัญชีออมทรัพย์
6.เรียนรู้การลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงินออม
การลงทุนสามารถช่วยให้เงินออมของคุณเติบโตเร็วขึ้น
ตัวอย่าง: เริ่มต้นด้วยการลงทุนในกองทุนรวม โดยอาจเริ่มจากการลงทุนเดือนละ 1,000 บาทในกองทุน LTF หรือ RMF เพื่อประโยชน์ทางภาษีและการเติบโตในระยะยาว
7.สร้างรายได้เสริม
หารายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากงานประจำเพื่อนำมาออม
ตัวอย่าง: รับงาน Freelance ในวันหยุด ขายของออนไลน์ หรือให้เช่าสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ เช่น การให้เช่ากล้องถ่ายรูปในวันที่ไม่ได้ใช้งาน อาจสร้างรายได้เสริมได้หลายพันบาทต่อเดือน
8.ใช้กลยุทธ์ “No-Spend Challenge”
ท้าทายตัวเองด้วยการไม่ใช้จ่ายเงินในหมวดหมู่ที่ไม่จำเป็นเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ตัวอย่าง: ทำ “No-Spend Month” โดยงดซื้อเสื้อผ้าใหม่เป็นเวลา 1 เดือน หรืองดสั่งอาหารเดลิเวอรี่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แล้วนำเงินที่ประหยัดได้ไปเข้าบัญชีออมทรัพย์
9.วางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า
การวางแผนล่วงหน้าช่วยลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและเพิ่มโอกาสในการออม
ตัวอย่าง: วางแผนมื้ออาหารและทำรายการซื้อของล่วงหน้าเพื่อลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือวางแผนการท่องเที่ยวล่วงหน้าเพื่อหาดีลที่คุ้มค่าที่สุด
10.ให้รางวัลตัวเองเมื่อบรรลุเป้าหมายการออม
สร้างแรงจูงใจด้วยการให้รางวัลตัวเองเมื่อสามารถออมได้ตามเป้าหมาย
ตัวอย่าง: หากคุณสามารถออมเงินได้ 50,000 บาทตามเป้าหมาย ให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหารมื้อพิเศษ หรือซื้อของที่อยากได้มานาน แต่ต้องอยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม เช่น ไม่เกิน 5% ของเงินออมที่ทำได้
การนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณสร้างนิสัยการออมที่ดีและบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น จำไว้ว่าการออมเงินเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน ยิ่งคุณทำบ่อยเท่าไหร่ ก็จะยิ่งง่ายขึ้นเท่านั้น เริ่มต้นวันนี้ และคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจในอนาคตอย่างแน่นอน
การออมเงินเป็นกุญแจสำคัญในการมีชีวิตที่มั่นคงทางการเงิน การเริ่มต้นออมเงินไม่ว่าจะเริ่มจากจำนวนเล็กน้อยก็ตาม สามารถสร้างผลกระทบในระยะยาวและช่วยให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนได้